15.00 น.      พบกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอิน U ประตู 9 สายการบินเสฉวนแอร์ไลน์ (3U) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกทางด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางก่อนขึ้นเครื่อง

18.05 น.      ออกเดินทางสู่ กรุงเฉิงตู โดยสายการบิน เสฉวนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 3U-3936

                   กระเป๋าใบใหญ่โหลด 23 กิโลกรัมต่อท่าน ท่านละ 1 ใบเท่านั้น (โปรดปฏิบัติอย่างเคร่งครัด)

22.10 น.      เดินทางถึง ท่าอากาศยานเฉิงตู (TIAN FU INTERNATIONAL) (เวลาท้องถิ่น: เร็วกว่าเวลาในประเทศไทย 1 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำหมินใจ

                   กลางมณฑล มีภูมิประเทศรายรอบไปด้วยเทือกเขา และมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยมีฤดูร้อนที่อบอุ่น ฤดูหนาวที่ไม่หนาวนัก ประชากรเมืองเฉิงตูมีราว 10 ล้านคน จัดเป็นอันดับ 3 ของประเทศจีน ในปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางสู่โรงแรมพักผ่อน

TIANFU INTERNATIONAL HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว ที่พักทางสายการบินเป็นผู้จัดให้ใกล้สนามบิน

เช้า              บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

12.00 น.      ออกเดินทางสู่ หลันโจว โดยสายการบิน เสฉวนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 3U-6337  

                   (บนเครื่องบินบริการอาหารและเครื่องดื่ม)

13.45 น.     เดินทางถึง ท่าอากาศยานหลันโจว เมืองเอกของมณฑลกานซู่ มณฑลภาคตะวันตกเฉียงเหนือเป็นจุดผ่านของเส้นทางสายไหม เป็นเมืองอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและเครื่องจักรกลหนักมีพื้นที่ 390,000 ตารางกิโลเมตร ตอนบนมีเขตแดนติดต่อกับมองโกเลียใน และมองโกเลียนอก ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง

จากนั้น        นำท่าน ชมพิพิธภัณฑ์กานซู่ “ซู่เสิ่นป๋ออู่ก่วน” พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมือง หลันโจวสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1956 เป็นพิพิธภัณฑ์ใหญ๋ระดับมณฑลมีพื้นที่ 18,000 ตารางเมตร มีห้องแสดงนิทรรศการห้องบรรยายห้องอนุรักษ์พระธาตุมีห้องซ่อมแซมและห้องตรวจสอบทางเคมีภายในพิพิธภัณฑ์มีการเก็บรักษาเครื่องปั้นดินเผาท้องถิ่นที่สวยงามมากกว่า 20,000 ชิ้น นำท่านชม รูปหล่อบรอนซ์ “หม่าเช่าหลงเซี่ย” (ขุดพบที่สุสานฮั่นเมืองจางเย่มณฑลกานซู่) รูปหล่อม้าที่กำลังเหิรลมสูง 35 ซ.ม. ยาว 45 ซ.ม. หนัก 7 กก. เท้าม้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนหลังนกนางแอ่นที่กำลังบินปัจจุบันสัญลักษณ์ “ม้าเหิร” ได้ถูกใช้เป็นโลโก้ LOGO ของการท่องเที่ยวแห่งชาติจีนเมื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้วท่านจะท่องเที่ยวเส้นทางสายไหมอย่างเข้าใจและสนุกสนานเพราะมีการจัดแสดงหลักฐานทางวัฒนธรรมที่ค้นพบและขุดพบในเขตมณฑลกานซู่และตามเมืองอื่นๆที่อยู่ในแนวเส้นทางสายไหมโดยเริ่มตั้งแต่ยุควัฒนธรรมต้าตี้ว่านเมื่อประมาณ 8,000 ปี ก่อนคริสตกาลเรื่อยมาจนถึงราชวงศ์หยวน        นำท่านชมแผนที่ที่แสดงถึงเส้นทางกองคาราวานในสมัยโบราณ

ค่ำ                บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

 นำท่านชม  สะพานแห่งแรกแม่น้ำเหลือง หรือ สะพานเหล็กจงซาน “หวงเหอตี้อิ๊เฉียว” แปลว่า สะพานแห่งแรกแม่น้ำเหลือง เป็นสะพานข้ามแม่น้ำหวงเหอ แรกสร้างตั้งแต่ราชวงศ์หมิ ปี ค.ศ. 1372 โดยซ่งกั๋วกง (เทียบตำแหน่งเจ้าพระยา) นามเฝิงเสิ้ง อยู่ห่างจากตัวเมืองหลานโจวสมัยนั้น ไปทางทิศตะวันตก เป็นสะพานแบบพาดบนเรือที่ร้อยติดกันด้วยเชือกและโซ่ หรือสะพานแบบลอยน้ำนั่นเอง ต่อมาในปี ค.ศ. 1376 เว่ยกั๋วกง นามเติ้งอวี้ ได้ย้ายตัวสะพานออกไปอีก กลายเป็นห่างจากตัว เมืองหลานโจวไปทางทิศตะวันตก จึงตั้งชื่อสะพานว่า เจิ้นเหวี่ยนเฉียว ครั้นถึงปี ค.ศ. 1385 แม่ทัพแห่งเมืองหลานโจวนามว่า หยางเหลียน ได้ย้ายสะพานลอยน้ำ มาอยู่ในที่ตั้งสะพานปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบัน เวลานี้ ก็ยังเหลือเสาสะพานลอยน้ำเหล็กหล่อยาว 5.8 เมตร จำนวน 3 ต้น น้ำหนัก 10 ตัน เป็นอนุสรณ์ ปี ค.ศ. 1907 รัฐบาลชิง ในสมัยนั้นพร้อมกับความเห็นชอบของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ประจำท้องถิ่น และความช่วยเหลือของพ่อค้าชาวเยอรมันทั้งยังได้รับความช่วยเหลือทางเทคนิค จากเยอรมันและอเมริการัฐบาลชิงได้ใช้งบประมาณเป็นเงินกว่าสามแสนตำลึง สร้างสะพานเหล็กเส้นแรกของแม่น้ำเหลืองหรือหวงเหอ โดยสะพานมีความยาว 233.33 เมตร กว้าง 7.5 เมตร ต่อมาในปี ค.ศ. 1942 เปลี่ยนชื่อสะพาน เป็นสะพาน จงซานเฉียว (สะพานเหล็กดร.ซุนยัดเซ็น) เพื่อเป็นการระลึกถึง ดร.ซุนยัตเซ็น บิดาแห่งจีนใหม่  

                   นำท่านชม อนุสาวรีย์มารดาแม่น้ำเหลือง (แม่น้ำฮวงโห) หรือหวงเหอหมู่ชิง (Huang He Mu Qing) ผลงานของศิลปินหญิงชาวจีนชื่อ “เหอเอ้อ” ตั้งอยู่ช่วงกลางถนนปินเหอลู่สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1986 ประติมากรรมนี้สลักจากหินแกรนิต รูปปั้นนี้เปรียบแม่น้ำฮวงโห เสมือนมารดาที่หล่อเลี้ยงลูกน้อยคือมวลประชาชาวจีนหลายร้อยล้านคนมายาวนานกว่า 4,000 ปี ถือว่าแม่น้ำเหลืองเป็นต้นธารแห่งประวัติศาสตร์ชาติจีน นับเนื่องมาแต่ปฐมกษัตริย์ของจีนในยุคตอนต้น                  ที่พัก YULUXE LANZHOU HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว

เช้า             บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้น        นำท่านเดินทางจาก เมืองเทียนสุ่ย 天水 Tianshui  เดินทางไกล (ใช้เวลาเดินทางประมาณ        4 ชั่วโมง) ขึ้นทางด่วนระยะทาง 350 KM (ระหว่างทาง 1 ชั่วโมง แวะใช้บริการห้องน้ำบนทางด่วน)     ได้ชื่อว่า เมืองสายน้ำแห่งฟากฟ้า เป็นเมืองโบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก เชื่อกันว่าเป็นนิวาสถานเดิมของฝูซี – หนึ่งในสามบุรพกษัตริย์ตามเทพนิยายปกรณัมของชาวจีน ผู้คิดค้นแผนภูมิ       ปา-กว้า และตัวอักษรจีนโบราณ ฯลฯ เทียนสุ่ยได้รับสมญาว่า “เสี่ยวเจียงหนาน” หรือ           

เที่ยง            บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย             นำท่านชม  ถ้ำหินแกะสลักม่ายจี่ซาน (รวมรถกอล์ฟ)  เป็น 1 ใน 4 ถ้ำหินแกะสลักที่สำคัญของจีน ห่างจากเมืองเทียนสุ่ยประมาณ 45 กิโลเมตร คำ ว่าไม่จีซาน แปลตรงตัวได้ว่าภูเขากองข้าวสาลี สาเหตุที่ภูเขาและถ้ำหินสลักแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นภูเขากองข้าว สาลีก็อันเนื่องมาจาก รูปลักษณ์ของภูเขาแห่งนี้นั้นไม่ว่าจะมองจากมุมใดก็มีลักษณะเหมือนกับกองข้าวสาลี กองโตกองหนึ่ง นักโบราณคดี

คาดคะเนว่า งานหินสลักพระพุทธรูปบนภูเขาแห่งนี้ นั้นเริ่มสร้างขึ้นราว ศตวรรษที่ 4-5 และมีการสร้างใหม่-ซ่อมแซม มาจนกระทั่งสมัยราชวงศ์ชิง ทั้งนี้ ณ ปัจจุบันผลงานที่ หลงเหลืออยู่บนหน้าผาของภูเขาแห่งนี้ก็มีในยุค เว่ยเหนือ เว่ยตะวันตก โจวเหนือ สุย ถัง ห้าราชวงศ์ ซ่ง หยวน หมิง และชิง รวมทั้งสิ้น 194 ถ้ำ เป็นพระพุทธรูป-รูปสลัก 7,000 กว่าองค์

ค่ำ               บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

                   ที่พัก MAIJISHAN PEARL HOTEL หรือเทียบเท่า  4 ดาว

เช้า             บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้น        นำท่านเดินทางสู่ ศาลเจ้าฝูซีเมี่ยว ศาลที่ระลึกของบรรพบุรุษชาวจีน ตระกูลเสินหนง-เทพแห่งพืช ฝูซีเป็นหัวหน้าเผ่า เสินหนง สอนให้ผู้คนรู้จักเพาะปลูก คนรุ่นหลังนับถือเป็นเทพแห่งการเกษตร ศาลเจ้าฝูอีเดิมเป็นศาลเล็กๆ ตั้งอยู่บนภูเขา  คนรุ่นหลังได้ทำการสร้าง ศาลใหม่ ขึ้นในสมัยราชวงศ์ หมิง ค.ศ. 1490 มีพื้นที่ 3,733 โหม่ย มีตำหนักหลายหลัง ใช้เก็บเครื่องประกอบพิธีเซ่นไหว้ มีต้นสนโบราณ อายุหลายร้อยปี ทุกปี ในเดือนอ้าย แรม 1 ค่ำ ซึ่งถือเป็นวันเกิดของฝูซี รัฐบาลจีนและรัฐบาลเมืองเทียนสุ่ยจะจัดให้มีงานเซ่นไหว้ยและงาน ฉลองใหญ่เป็นประจำทุกปี เล่ากันว่าในวัดนี้จะมีสนต้นหนึ่งในศาล จะเขย่าต้นเองจนใบไม้ร่วงหล่น เป็น ปรากฏการณ์อัศจรรย์พราะไม่มีลมแม้แต่นิดเดียว บริเวณทางเข้า-ออกศาลจะเป็นตลาดฝูจื่อเมี่ยว มีร้านขาย ของที่ระลึกหลายอย่าง อาทิ กล่องเครื่องลงรักแบบจีน ตุ๊กตาปูนป้ัน ฯลฯ

                   นำท่านเดินทางสู่ ย่านถนนคนเดินเมืองโบราณกู่เฉิง ชมทิวทัศน์ หมู่อาคารสถาปัตยกรรม    จีนโบราณที่ส่องแสงเรืองรองเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังในยามค่ำคืน ณ เมืองโบราณเทียนสุ่ย มณฑลก่านซู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน อิสระให้ท่านเพลิดเพลินบันทึกภาพเป็นที่ระลึกพร้อมชมความงดงามแห่งวิถีชีวิตของย่านถนนคนเดินและช้อปปิ้งสินค้าที่ระลึกต่าง ๆ มากมาย อาทิ ของทานเล่น ไอศกรีม เนื้อแพะย่างเสียบไม้  ขนมพื้นเมือง  ผลไม้สด ฯลฯ ตามอัธยาศัย

เที่ยง            บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟ เทียนสุ่ย เพื่อโดยสารรถไฟความเร็วสูง (200 km/ชั่วโมง) ซึ่งถือเป็นรถไฟชินคันเซ็นเมืองจีนเลยทีเดียว

12.52 น.      (เวลาประมาณ) เดินทางสู่จางเย่ โดยรถไฟความเร็วสูงขบวนที่ D 2687 จากเทียนสุ่ยนั่งรถไฟไปจางเย่ระหว่างทางจะผ่านเมืองซีหนิงและข้ามเทือกเขาเหลียนซานท่านจะได้เพลิดเพลินชมวิวธรรมชาติที่สวยงามและหลากหลาย

17.35 น.      ถึง เมืองจางเย่ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของของเทือกเขาฉีเหลียง (Qilian Mountains) ในระหว่างเขตปกครองตนเองชนชาติยู่กู้ซู่หนานและเทศมณฑลหลินเสอเมืองจางเย่มณฑลกานซู่โดยพื้นที่หลักของอุทยานแห่งนี้อยู่ในเขตเมือง Kangle และ Baiyin

สถานีรถไฟในจีน: ผู้เดินทางจะต้องดูแลรับผิดชอบการถือกระเป๋าใหญ่ด้วยตนเองดังนั้นกระเป๋าใบใหญ่มากไม่เหมาะที่จะใช้เดินทางด้วยรถไฟในจีนเพราะบนรถไม่มีที่วางสัมภาระเพียงพอกระเป๋าล้อลากคันชักขนาดกลางเป็นกระเป๋าที่สะดวกที่สุดในการที่ท่านจะเข็นผ่านด่านเอ็กซเรย์ และขึ้น-ลงบันไดด้วยตนเอง (สิ่งของมีคมต่าง ๆ ให้โหลดในกระเป๋าใบใหญ่)

ค่ำ               บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

QILIAN PEARL HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว

เช้า              บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

                   จากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถอุทยานท่องเที่ยวจุดไฮไลท์ 3 จุด ที่สวยงามที่สุด สู่ เขตภูมิทัศน์จางเย่ฉีเหลียนซานตันเสียตี้เม่า 丹霞地貌  Zhangye Qilianshan Danxia Landform หรือ  หุบเขาสายรุ้งหวู่ไฉ่ซาน Rainbow Mountain จัดเป็นหนึ่งในภูมิทัศน์ มหัศจรรย์ของจีนอันงดงามแปลกตา ในเขตภูเขาฉีเหลียนซาน ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างขวางถึง 300 ตร.กม. อยู่บนระดับ ความสูง 2,000-3,800 ม. จากระดับน้ำทะเล ในทางธรณีวิทยา สันนิษฐานว่ามีอายุมานานกว่า 2 ล้านปี ผ่านการกัดกร่อนของธรรมชาติ สายลม แสงแดดและความแห้งแล้งของภูมิประเทศ เผยให้เห็นถึงชั้นของแร่ธาตุใต้ดินที่บ้างเป็นริ้วเลื่อมลายหลากสีสัน 6 พาด ผ่านทั้งเนินภู แลซับซ้อน บ้างเป็นหุบโตรกลึกชัน บ้างคล้ายดั่งปราสาทในดินแดนเทพนิยาย และอื่น ๆ อีกมากมาย ตามจินตนาการอันหลากหลาย จางเย่ เป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างมากในเส้นทางสายไหม ทั้งในเรื่องของประวัติศาสตร์ความเป็นมาในเรื่องที่เป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา

เที่ยง            บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่าน ชมพุทธสถานสำคัญของจางเย่  คือ วัดพระใหญ่ต้ำฝอซื่อ 大佛寺 Dafo Si สร้างใน ปี ค.ศ. 1098 สมัยซีเซี่ยภายในวิหารใหญ่เป็นที่ประดิษฐานของพระนอนศกัดิ์สทิธิ์องค์ใหญ่ที่สุด     ของประเทศจีนมีความยาว 34.5 ม. พระอังสากว้าง 7.5 ม. พระกรรณยาว 4 ม. พระบาทยาว 5.2 ม.

ค่ำ               บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

REZEN HOTEL YUANDONG หรือเทียบเท่า 4 ดาว

เช้า              บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

                   นำท่านชม ด่านเจียยวี่กวน เป็นด่านสุดท้ายของกำแพงเมืองจีนทางด้านตะวันตก เป็นจุดเริ่มต้นของกำแพงเมืองจีนที่ทอดยาวถึงด่านซันไห่กวนทางภาคอีสานของจีน ชมปราการสูง 773 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล กำแพงสูง 10 เมตร ยาว 640 เมตร เป็นที่ตั้งของหอระวังภัย ด้านหนึ่งทอดไปทางด้านตะวันตกเฉียงใต้สู่เทือกเขาฉีเหลียนซาน อีกด้านหนึ่งทอดไปทางทิศเหนือสู่เทือกเขาเป่ยซาน 

เที่ยง            บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย             นำท่านเดินทางจากเจียยวี่กวน สู่ เมืองตุนหวง (ระยะทางประมาณ 380 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) ตุนหวงเป็นเมืองโอเอซิสกลางทะเลทรายโกบี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน แม้จะเป็นเมืองเล็กแต่มีบทบาทสำคัญยิ่งในฐานะเป็นแหล่งศาสนศิลป์ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน และมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5 ตุนหวง เป็นศูนย์กลางสำคัญบนเส้นทางไหม (Silk Road) เป็นทางผ่านและจุดแวะพักของขบวนคาราวานพ่อค้าและถนนไหมเป็นเส้นทางแห่งการเผยแพร่พุทธศาสนา จากอินเดียเข้ามายังประเทศจีน ตุนหวงจึงกลายเป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจและวัฒนธรรมหลายชนชาติ โดยเฉพาะจีน อินเดีย กรีก และอาหรับ หลอมรวมและช่วยกันสร้างวัดในถ้ำ ไว้เป็นที่สักการบูชาพระพุทธเจ้า โดยปรากฏหลักฐานโบราณคดีอันล้ำค่ามีสภาพสมบูรณ์ในถ้ำแห่งนี้ (เดินทางถึงเมืองตุนหวงเวลาประมาณ 18.00 น.

(ระหว่างทาง 1 ช.ม  แวะใช้บริการห้องน้ำบนทางด่วน)

เดินทางถึงตุนหวง นำท่านแวะ ถ่ายรูปปั้นเด็กที่โกบี (ต้าตี้จือจื่อ)

ค่ำ               รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

หลังอาหารนำท่านสู่ ตลาดกวาโจว หรือไนท์มาร์เกตแห่งตุนหวง (จากโรงแรมเดินไปเพียง 5 นาที) ตลาดกลางคืนที่ใหญ่และมีของให้เลือกชมทั้งของกิน ขนม ผลไม้ขึ้นชื่อต่างๆ ของมณฑลกานซู รวมถึงสินค้าของที่ระลึกต่างๆ ซึ่งมีทั้งหินเครื่องประดับต่างๆ, เครื่องดนตรี หรือสิ่งของที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของประเทศจีน อาทิ น้ำเต้าที่ระลึก หรือภาพวาดจีน ผ้าพันคอลายนางอัปสร ตุ๊กตาพวงกุญแจอูฐ  ฯลฯ

ที่พัก GRAND SUN HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว

เช้า             บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้น        นำท่านสู่ เนินทรายร้องไห้หมิงซาซาน 鸣沙山 เป็นเนินทรายสูงพอสมควร เมื่อท่านขึ้นถึงยอดเขา  โดยบันไดลิง ท่านสามารถไถลลื่นลงมาสู่เชิงเขาด้านล่าง (SAND DUNE) หากโอกาสเหมาะท่านอาจได้ยินเสียงลมสะท้อนเป็นเสียงคล้าย การลั่นกลองรบ เสียงม้าร้อง เสียงสู้รบ และเสียงคนร้อง ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเคยมีกองทัพถูกพายุทรายพัดกระหน่ำและถูกฝังทั้งเป็นทั้งกองทัพอยู่ใต้ภูเขาลูกนี้ ดังนั้นเมื่อท่านลื่นไถลลงมาจากยอดเนินจึงอาจมีเสียงประหลาดเกิดขึ้น และ นำท่าน ขี่อูฐชมทะเลทราย  จูงเป็นคาราวานไปพร้อม ๆ กัน         อูฐ 5 ตัว ต่อคนจูงอูฐ 1 คน จนถึงจุดจอดลงจากอูฐเพื่อพบกันจุดนัดพบ นำท่านไปชม สระน้ำวงพระจันทร์ 月牙泉 บ่อน้ำผุดหรือโอเอซิส ที่ไม่เคยเหือดแห้งแม้จะอยู่ท่ามกลางทะเลทรายโกบีทั้งที่มีความลึกเฉลี่ยเพียง 6 เมตร เท่านั้น บริเวณด้านใน    มีเก๋งจีนให้ท่านเดินขึ้นไปชมวิวด้านบนจุดที่สวยงามยิ่งนัก (การท่องเที่ยวทะเลทรายหมิงซาซาน+ขี่อูฐ วันนี้ให้ทุกท่านเตรียมหน้ากากเพื่อปิดจมูกกันฝุ่นละออง แว่นกันแดด แจ็คเก็ตกันลม เตรียมสิ่งของให้น้อยที่สุดเพื่อความสะดวกการขี่อูฐของทุกท่านคะ กรุณาเตรียมเงินค่าทิปคนจูงอูฐ 20 หยวน / ท่าน อิสระจนสมควรแก่เวลานัดพบจุดนัดหมายเพื่อนั่งรถกอล์ฟขาออก                          

กลางวัน       บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย             นำท่านชม ถ้ำโม่เกาคู 莫高窟 มรดกโลกที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลก “ เป็นถ้ำที่มีคูหาใหญ่น้อยถึง 495 คูหา มีภาพวาดสีบนผนังสวยงามมีรูปแกะสลักพระพุทธรูปและองค์เจ้าแม่กวนอิม    ปัจจุบันเปิดให้ชมเพียง 70 คูหาเท่านั้นในคูหาต้นๆ เป็นผลงานการบุกเบิกของพระสงฆ์เล่อจุนในปี   ค.ศ.366 ส่วนคูหาสุดท้ายขุดเมื่อยุคที่มองโกลมีชัยชนะเหนืออาณาจักรจีนใน ปี ค.ศ. 1277 ดั้งนั้น  ปฎิมากรรมหรือจิตรกรรมที่ท่านจะได้ชมที่ถ้ำโม่เกาแห่งนี้เกิดจากความเพียรพยายามของจิตรกรและช่างหลากยุคหลายสมัยตลอดช่วงประวัติศาสตร์ที่นับเนื่องยาวนานเกือบ 1,000 ปี ศิลปะที่ถ้ำผาโม่เกาส่วนใหญ่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์สุยและถัง ภาพวาดสมัยราชวงศ์ถังส่วนมากเป็นนางฟ้าล่องลอยในอากาศ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะถ้ำที่ตุนหวง ภาพเขียนสีภายในถ้ำ เป็นเรื่องราวของความดี-ความชั่ว และความสุขนิรันดร์ในสรวงสวรรค์ คล้ายกับว่าสวรรค์ และโลกเป็นเอกภพเดียวกัน           ในจำนวนถ้ำ 492 ถ้ำโม่เกา (Mogao) เป็นถ้ำมีขนาดใหญ่ที่สุดและอายุเก่าแก่มาก แกะสลักหน้าผาทางซีกตะวันออกของภูเขาหมิงซา รวมความยาว 1,600 เมตร ทุกตารางนิ้วของผนังถ้ำเต็มไปด้วยภาพวาดและรูปสลักทางศาสนา และถ้ำแห่งนี้มีภาพผนังกินเนื้อที่กว่า 45,000 ตารางเมตร             นักโบราณคดีตะวันตกขนานนามภาพผนังแห่งนี้ว่า “ห้องสมุดบนผนัง”               

ค่ำ               รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้น        นำท่านเดินทางไปยัง สนามบินเมืองตุนหวง (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที) ออกไปนอกเมือง เพื่อเดินทางกลับไปยังเมืองเฉิงตู 

21.20 น.      ออกเดินทางสู่ กรุงเฉินตู  โดยสายการบิน เสฉวนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 3U-6358 กระเป๋าใบใหญ่โหลด 23 กิโลกรัมต่อท่าน ท่านละ 1 ใบเท่านั้น (โปรดปฏิบัติอย่างเคร่งครัด)

23.55 น.     เดินทางถึง ท่าอากาศยานเฉิงตู  (ใช้บริการห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ให้ทุกท่านรับกระเป๋าที่สายพานให้ท่านสังเกตุหมายเลขได้จากจอมอนิเตอร์หรือหัวหน้าทัวร์แจ้งให้ทราบคะ

TIANFU INTERNATIONAL HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว ที่พักทางสายการบินเป็นผู้จัดให้ใกล้สนามบิน

เช้า              บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

                   นำท่านไปยัง สนามบินเมืองเฉิงตู เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ

10.00 น.      ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน เสฉวนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 3U-3937 กระเป๋าใบใหญ่โหลด 23 กิโลกรัมต่อท่าน ท่านละ 1 ใบเท่านั้น (โปรดปฏิบัติอย่างเคร่งครัด)

11.45 น.      เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ.....