08:00 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าประตูที่ 2 เคาร์เตอร์ D สายการบิน การบินไทย (TG) โดยมีเจ้าหน้าที่จากทางบริษัท คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกในเรื่องเอกสารการเช็กอิน และสัมภาระในการเดินทางให้กับทุกท่าน (น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่อง ท่านละ 1 ใบ น้ำหนักรวมสูงสุดไม่เกิน 20 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)

10:40 น. ออกเดินทางสู่เมืองคุณหมิง โดย การบินไทย เที่ยวบินที่ TG612 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

14:05 น. เดินทางถึง สนามบินฉานสุ่ย (KMG) เมืองคุนหมิง มณฑลยูนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋าเดินทาง (เวลาที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง แนะนำให้ปรับเวลาทันที เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันเวลานัดหมาย) จากนั้นนำท่านขึ้นรถโค้ชที่รอรับเพื่อเดินทางสู่เมืองฉู่สง หรือ“Chuxiong” เป็นเมืองหลักของเขตปกครองตนเองชนชาติหยี เดิมมีชื่อเสียงในการผลิตผ้าไหมและบุหรี่ เป็นเมืองทางผ่านจากคุนหมิง ไปยังเมืองต้าหลี่ การเดินทางสู่เมืองนี้ใช้เวลาทางรถจากคุนหมิงไปประมาณ 2 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร และจากเมืองฉู่สง ต่อไปเมืองต้าลี่ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ระยะทางประมาณ 260 กิโลเมตร  นำท่านเดินชม เมืองโบราณชาวหยี สถานที่ท่องเที่ยวที่จำหน่ายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว เป็นโครงการที่สร้างขึ้นมาเพื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของมณฑลยูนนาน ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลจีนกับภาคเอกชน สร้างบนฐานวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ของชนชาติหยีที่มีชื่อเสียงมากในยุคมองโกล

ค่ำ          บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักเพื่อเช็คอินและพักผ่อนตามอัธยาศัย

ที่พัก       JIANHUA HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า ณ เมืองฉู่สง

เช้า         บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมืองต้าหลี่ (ระยะทางประมาณ 260 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองสวยท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ และ เทือกเขาชางซาน ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ มณฑลยูนนาน ครั้งหนึ่งต้าหลี่เคยเป็นเมืองหลวงของ อาณาจักรน่านเจ้า ในช่วงศตวรรษที่ 8-9 ก่อนจะกลายเป็นเมืองหลวงของ อาณาจักรต้าหลี่ ในช่วงปี ค.ศ. 937 - 1253 ปัจจุบันต้าหลี่เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สามารถอนุรักษ์สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และเสน่ห์ของเมืองโบราณเอาไว้ได้เป็นอย่างดี และเป็นหนึ่งในเมืองสวย บรรยากาศสุดสโลว์ไลฟ์ที่น่าไปเยือน

นำท่านชม เมืองโบราณต้าหลี่ สัมผัสบรรยากาศอันสงบเงียบของเมืองไท่เหอ อันเป็นนครหลวงของอาณาจักรโบราณน่านเจ้า ชมซากเมืองเก่าและกำแพงเมืองโบราณ พร้อมชมหลักศิลาหนันเจา ซึ่งบันทึกเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างชาวน่านเจ้ากับราชวงศ์ถัง

นำท่านนมัสการเจ้าแม่กวนอิมที่ วัดเจ้าแม่กวนอิมแปลงกาย “Dali Guanyin Temple” เป็นวัดที่มีประติมากรรมสวยงามและมีชื่อเสียงของเมืองเก่าต้าหลี่ ตั้งอยู่ในทิศใต้ของเมือง ตามตำนานเล่าว่าในสมัยราชวงศ์ถังนั้นเจ้าแม่วนอิมได้แปลงกายเป็นหญิงชราอายุประมาณ 80 ปี แบกก้อนหินใหญ่ไว้ข้างหลังขวางเหล่าทหารไม่ให้สามารถเข้ามาตีเมืองต้าหลี่ได้ ซึ่งเมื่อเหล่าทหารเห็นว่าแม้แต่หญิงชราภายในเมืองนี้ยังแข่งแรงมากขนาดนี้ คนวัยหนุ่มสาวจะต้องมีกำลังในการต่อสู้มหาศาลอย่างแน่นอน จึงทำการยกทัพกลับไป และชาวเมืองต้าหลี่จึงร่วมใจกันสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาในครั้งนั้นเพื่อเป็นสัญลักษณะของเมืองตาลี่

กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านนั่งรถผ่านชม "ซานถ่า" หรือ เจดีย์สามองค์ สัญลักษณ์ของเมืองต้าหลี่ ที่โดดเด่นงดงามอยู่ริมทะเลสาบเอ๋อไห่ จากนั้น

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “แชงกรีล่า” หรือชื่อเดิม “จงเตี้ยน” เป็นชุมชนเก่าของชาวทิเบต ซึ่งตามชานเมืองยังคงรักษาเอกลักษณ์ของบ้านที่ก่อดินขึ้นเป็นตึกสี่เหลี่ยม แต่งด้วยไม้ซุงขนาดใหญ่ ผู้คนยังแต่งกายชุดพื้นเมือง คำว่า “จง” นั้นหมายถึงศูนย์กลางหรือสิ่งที่กว้างใหญ่ อันเป็นศูนย์กลาง ส่วน “เตี้ยน” นอกจากจะแปลว่าทุ่งหญ้าแล้ว ยังแปลว่าอาณาจักร ได้ด้วย ในปี พ.ศ 2545 รัฐบาลจีนได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น “แชงกรี-ล่า” ภาษาจีนออกเสียงว่า “เซียงเกอ หลี ลา” (Xiang Ge Le La) แปลว่า ที่ซึ่งสุริยันจันทราประทับในดวงจิต ระหว่างทางชมบรรยากาศความสวยงามของเส้นทางและภูมิประเทศอันงดงาม  เดินทางสู่ฉางเจียงตี่ยี่วาน หรือ โค้งแรกแม่น้ำแยงซีเกียง เกิดจากแม่น้ำแยงซีเกียงที่ไหลลงมาจากชิงไห่และทิเบต ซึ่งเป็นที่ราบสูงไหลลงมากระทบกับเขาไห่หลอ แล้วหักเส้นทางโค้งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จนเกิดเป็น “โค้งแรกแม่น้ำแยงซีเกียง” และนำท่านชม “หุบเขาเสือกระโจน”  (ซึ่งต้องเดินลง-ขึ้นบันไดกว่าพันขั้นเพิ่งลงไปชมวิว ทั้งนี้ราคาทัวร์รวมค่าบันไดเลื่อนลง-ขึ้นจุดชมวิวแล้ว) ซึ่งเป็นช่องแคบช่วงแม่น้ำแยงซีไหลลงมาจาก (จินซาเจียง แม่น้ำทรายทอง) เป็นช่องแคบที่มีน้ำไหลเชี่ยวมาก ช่วงที่แคบที่สุดประมาณ 30 เมตร ตามตำนานเล่าว่า ในอดีตช่องแคบเสือนี้สามาร กระโดดข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ จึงเป็นที่มาของ “ช่องแคบเสือกระโจน”

จากนั้นให้ท่านเดินชม เมืองโบราณจงเตี้ยน ในเขตเมืองแชงกรีล่า บ้านเรือนส่วนใหญ่จะเป็นบ้านไม้ในสไตล์ทิเบตที่สร้างขึ้นมาเพื่อต้องการสื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจถึงความเป็นมา และย้อนเวลาไปสู่อดีตของแชงกรีลา

เมืองเก่าจงเตี้ยนตั้งอยู่ติดกับเขาเล็กๆ ซึ่งบนยอดเขาเป็นที่ตั้งของ วัดทิเบตต้าฝ๋อซื่อ หรือ วัดพระใหญ่ สร้างในสมัยราชวงศ์​ชิง ยุคจักรพรรดิ​คังซี ในวัดมีกงล้อคัมภีร์​ศาสนา​ทิเบต สูง ​21 เมตร ​หนัก 60 ตัน ​เป็น​กงล้อ​คัมภีร์​ที่ใหญ่​ที่สุด​ใน​โลก ชาวบ้าน​เชื่อว่า​ถ้าหมุนกงล้อ ​1 รอบ​ เท่ากับ สวดมนต์ 1.24 ล้าน​รอบ ชาวทิเบตและนักท่องเที่ยวนิยมไปหมุนกงล้อนี้เพื่อความเป็นสิริมงคล

บริเวณพื้นที่ เมืองแชงกรีล่า อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,200 เมตร และบางพื้นที่มีที่ความสูงมากกว่า 3,500 เมตร อากาศจะเบาบางมาก อาจทำให้เกิดอาการแพ้ที่สูง ทำให้อาเจียน มึนหัว นอนไม่หลับได้ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้ซื้อออกซิเจนกระป๋องพกติดตัว วิธีการใช้ท่านสามารถสอบถามได้จากไกด์หรือหัวหน้าทัวร์ และการเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวควรเดินช้าๆ หายใจยาวๆ 

ค่ำ          บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักเพื่อเช็คอินและพักผ่อนตามอัธยาศัย

ที่พัก       GRACE HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า ณ เมืองแชงกรี-ล่า

เช้า         บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านนมัสการขอพร ณ วัดซงจ้านหลิน หรือ วัดกุ้ยหัว (Songzanlin) ตั้งชื่อตามพระนามขององค์ดาไลลามะว่า “เกอตันซงจ้านหลิน” หรือที่รู้จักกันกันในนาม พระราชวังโปตาลาน้อย (ราคาทัวร์รวมค่ารถไฟฟ้าขึ้นลงวัดแล้ว)  เป็นวัดลามะที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี และยังคงมีพระลามะจำพรรษาอยู่ สร้างขึ้นในสมัยองค์ดาไลลามะ ที่ 5 ในปี พ.ศ. 2222  ใช้เวลาสร้างกว่า 18 ปี  มีรูปแบบคล้ายพระราชวังโปตาลา ณ เมืองหลวงลาซาแห่งทิเบต แต่มีขนาดย่อส่วนลงมา หากกล่าวว่าโปตาลาเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวทิเบต วัดซงจ้านหลิน ก็ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนิกชน ของชาวทิเบตยูนาน และในยามเทศกาลชาวทิเบตที่นี่ยังรักษาประเพณีด้วยการเต้นระบำหน้ากากและเป่าแตรงอน ท่านจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมของชาวทิเบต เพราะที่นี่คือทิเบตแห่งเมืองจีนนั่นเอง

กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองลี่เจียง เขตการปกครองที่ประกอบด้วยส่วนที่เป็นเขตเมือง และเขตชนบททางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีจำนวนประชากรราว 1,100,000 คน มีย่านเมืองเก่าลี่เจียงที่มีชื่อเสียงมาก มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า เมืองเก่าต้าเหยียน เดินทางถึง ลี่เจียง นำท่านชมสวนสาธารณะเหยหลงถาน หรือ สระน้ำมังกรดำ อยู่ที่ทางชานเมืองด้านเหนือ เล่ากันว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนที่นั่นยังเป็นบ่อน้ำธรรมดา อยู่มาวันหนึ่งชาวบ้านเห็นมังกรดำโผล่ขึ้นมาจากบ่อน้ำแห่งนั้นชาวนาซีมีความเชื่อเรื่องมังกรอยู่แล้ว จึงตั้งชื่อบ่อน้ำนั่นว่า บ่อน้ำมังกรดำ ปัจจุบันได้ปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะที่สวยงามเป็นสวนที่สำคัญที่สุดของเมืองลี่เจียง ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีชม สะพานหินอ่อน เป็นจุดที่นักถ่ายภาพทุกคนยอมรับว่าสามารถถ่ายรูปภูเขาหิมะมังกรหยกได้สวยงามที่สุด ศาลาพักผ่อนแบบเก๋งจีน สองข้างทางมีต้นเกาลัดขึ้นเต็มมีเนื้อที่ประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร ได้มีการจัดแบ่งส่วนอย่างเหมาะสมเป็นบ่อน้ำใน และบ่อน้ำนอก มีสะพานหินอ่อนกั้น น้ำในบ่อผุดขึ้นมาจากใต้ดินในลักษณะเป็นตาน้ำ มีน้ำใสจนมองเห็นก้นบ่อที่มีสาหร่ายได้อย่างชัดเจน 

จากนั้นนำท่านเดินชม เมืองเก่าลี่เจียง หรือ เมืองโบราณต้าเหยีนเจิ้ง ซึ้งเป็นเมืองที่สร้างขึ้นมาในสมัยต้นราชวงศ์ถัง มีประวัติยาวนานกว่า 1,300 ปี ตัวเมืองตั้งอยู่ท่ามกลางการโอบล้อมด้วยสายน้ำน้อยใหญ่ที่ไหลมาจากสระมังกรดำพื้นที่ตั้งของเมืองโบราณแห่งนี้รูปร่างลักษณะคล้ายหินฝนหมึกจีนในเขตเมืองโบราณยังคงความงามในอดีตไว้อย่างสมบูรณ์เช่นอาคารไม้แบบจีนโบราณต้นหลิวริมธารที่ยังคงปลิวไปมาตามสายลมลำธารน้ำที่ไหลผ่านเมืองแห่งนี้ด้วย ความสวยงามเหล่านี้ทำให้เมืองโบราณลี่เจียงได้ถูกบันทึกเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) นอกจากนี้ยามค่ำคืนก็มีการประดับไฟแสงสีงดงามอีกด้วย

ค่ำ          บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (พิเศษ เมนูสุกี้แซลมอนลี่เจียง)

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักและพักผ่อนตามอัธยาศัย

ที่พัก       GOLDEN SPRING HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

เช้า         บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เขตอุทยานภูเขาหิมะมังกรหยก ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเก่าลี่เจียง เป็นภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่าน มีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปี ทิวเขาแห่งนี้เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นเป็นลักษณะคล้ายมังกรกำลังเลื้อยจึงเป็นที่มาของชื่อเทือก เขานำท่านโดยสารกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นสู่บริเวณจุดชมวิว บนยอดเขาหิมะมังกรหยกที่มีความสูงถึงระดับ 4,506 เมตร จากระดับน้ำทะเล (ราคาทัวร์รวมกระเช้าใหญ่ไป-กลับ) ให้ท่านได้สัมผัสความหนาวเย็นและวิวทิวทัศน์แบบพาโนราม่าอันยิ่งใหญ่ของภูเขาแห่งนี้ อิสระให้ท่านได้เดินชมบรรยากาศ และเก็บภาพเป็นที่ระลึกได้เวลาอันสมควร  (กรณีกระเช้ามังกรหยกปิดเนื่องจากลมแรง ทางบริษัทขอปรับเปลี่ยนโปรแกรมไปยัง กระเช้าทุ่งหยายูนซานผิงที่ความสูง 3200 เมตรแทน)

จากนั้นชมการแสดง “ความประทับใจแห่งลี่เจียง” (Impression Lijing) โชว์อันยิ่งใหญ่ โดยผู้กำกับชื่อก้องโลก จาง อวี้ โหมว ได้เนรมิตให้ภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลังและบริเวณทุ่งหญ้าเป็นเวทีการแสดง โดยใช้นักแสดงกว่า 600 ชีวิต แสง สี เสียง การแต่งกายตระการตา เล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ และชาวเผ่าต่างๆ ของลี่เจียง (ในช่วงฤดูหนาว หากเกิดกรณีโชว์ Impression Lijiang มีการปิดการแสดงในวันนั้น ๆ ไม่ว่าจะด้วยกรณีใด ๆ จนทำให้ไม่สามารถเข้าชมได้ ทางบริษัทรับผิดชอบเพียงจัดโชว์พื้นเมืองอื่นๆทดแทนเท่านั้นไม่มีการคืนค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น)

กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ภายในเขตอุทยาน

จากนั้นนำท่านเที่ยวชม อุทยานน้ำหยก ซึ่งมีตาน้ำธรรมชาติผุดขึ้นมา 2 ตา เป็นน้ำที่ซึมมาจากการละลายของน้ำแข็งบนภูเขาหิมะมังกรหยก เป็นสถานที่แสดงวัฒนธรรมของชนเผ่านาซีกลมกลืนกับธรรมชาติ ประกอบด้วยประตูสวรรค์ ซึ่งมีรูปปั้นแกะสลักด้วยไม้ ข้างขวาเป็นพ่อ ข้างซ้ายเป็นแม่ และน้ำตกมังกร ที่ไหลหลั่งไปตามไหล่เขา แบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นแรกชื่อว่า มังกรออกถ้ำ ชั้นที่สองชื่อว่า มังกรเล่นน้ำ ชั้นที่สามชื่อว่า มังกรโบยบิน และยังมีต้นไม้เทวดา ซึ่งเป็นที่สักการบูชาของคนในพื้นที่มีอายุมากกว่า 500 ปี

ชม แม่น้ำทรายขาวไป๋สุ่ยเหอ ซึ่งความใสของท้องน้ำในหุบเขาที่อยู่ทางตะวันออกของภูเขาหิมะมังกรหยก ชมธารน้ำขาว หรือน้ำตกไป๋สุ่ย ธารน้ำที่เป็นเชิงชั้นหินปูนสีขาวหลดหลั่นลงมางดงามสะดุจตาดังจำลองความงดงามของอุทยานธารน้ำขาวหวงหลง และปามุคคาเล่ของตุรกีมารวมกันไว้ที่นี่ 

ชม หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน “Blue Moon Valley” หรือเป็นที่รู้จักกันในสมญานามว่า จิ่วจ้ายโกวน้อย เป็นทะเลสาบที่อยู่กลางหุบเขาอีกด้านหนึ่งในอุทยานเดียวกันกับภูเขาหิมะมังกรหยก เมืองลี่เจียง ว่ากันว่าเมื่อมองจากระยะไกลหุบเขาจะมีลักษณะคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยวสีน้ำเงินที่ฝังอยู่บนตีนเขาของภูเขาหิมะมังกรหยก ซึ่งสีของน้ำในทะเลสาบแห่งนี้นั้นเกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาที่ไหลมารวมกัน ทำให้น้ำในบริเวณนี้กลายเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ใสสวยงาม เหมือนกับน้ำในทะเลสาบของจิ่วจ้ายโกว

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณซู่เหอ อีกเมืองโบราณที่มีชื่อเสียงของลี่เจียง โดยเมืองเก่าซู่เหอนั้นเป็นหนึ่งในเขตเมืองเก่าของเมืองลี่เจียง เป็นที่อยู่ของชนเผ่านาซีที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี สมัยก่อนซู่เหอเป็นสถานีสำคัญของเส้นทางสายไหมใต้ เป็นตลาดขายส่งเครื่องหนัง เงิน และใบชา ฯลฯ และได้รับการรักษาเป็นดั้งเดิมไว้อย่างดี มีความเป็นธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้ดื่มด่ำชื่นชม

ค่ำ          บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักและพักผ่อนตามอัธยาศัย

ที่พัก       GOLDEN SPRING HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

เช้า         บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้น นำท่านเดินทางไปยัง สถานีรถไฟสายตะวันออกลี่เจียง

09:23 น. นำท่านออกเดินทางโดย รถไฟความเร็วสูง ขบวนที่ D3942 มุ่งหน้าสู่เมืองคุณหมิง เมืองเอกแห่งมณฑลยูนนาน มีสภาพอากาศเย็นสบายตลอดปีฤดูหนาวไม่หนาวจัด และฤดูร้อนไม่ร้อนมาก มีชนชาติต่างๆ อยู่รวมกันทั้งหมดกว่า 26 ชนชาติ

12:57 น. เดินทางถึงเมืองคุนหมิง นำท่านขึ้นรถโค้ชที่รอรับ

กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สวนน้ำตก “Kunming Waterfall Park” สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาสร้างกว่า 3 ปี ใจกลางเมืองคุนหมิง เปิดให้ใช้บริการเมื่อปีที่ที่ผ่านมา ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจยอดฮิตของชาวเมืองคุนหมิงเลยทีเดียว ภายในประกอบไปด้วยน้ำตกและทะเลสาบอีก 2 แห่งที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ ไฮไลท์ของสวนอย่างน้ำตกใหญ่ยักษ์นั้นกว้างกว่า400 เมตรและมีความสูงถึง 12.5 เมตร ถือเป็นน้ำตกฝีมือมนุษย์ที่ยาวเป็นอันดับของต้นๆของเอเชียเลยก็ว่าได้

หมายเหตุ สำหรับท่านที่เดินทางช่วงระหว่างวันที่ 5 - 20 พฤษภาคม นำท่านผ่านชมบรรยากาศ และแวะถ่ายรูป กับมวลหมู่ดอกไม้ ต้นจาการันดา “Jacaranda” หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ต้นศรีตรัง ที่ผลิดอกสีม่วงสดใสเบ่งบานอย่างพร้อมเพรียงกลางฤดูใบไม้ผลิ แต่งแต้มความสวยงามยามฤดูใบไม้ผลิอยู่ริมทางกลางหมู่อาคารน้อยใหญ่กลางเมืองคุนหมิง เกิดเป็นทัศนียภาพเมืองที่สวยงามน่าชม

ค่ำ          บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (พิเศษ เมนู สุกี้เห็ดไก่ดำ)

จากนั้นนำท่านเดินชมซุ้มประตูม้าทองและซุ้มประตูไก่มรกต (Golden Horse and Jade Cock Gate) ตั้งอยู่ตอนกลางของถนนจินปี้ลู่ ซึ่งเป็นถนนที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองคุนหมิง ซึ่งภาษาจีนเรียกว่าจินหม่าและปี้จี และเป็นที่มาของชื่อถนนแห่งนี้ โดยซุ้มม้าทองและไก่มรกตมีอายุร่วม 400 ปี สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ในถนนย่านการค้าแห่งนี้ เป็นแหล่งเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งของจีนและต่างประเทศ รวมทั้งเครื่องประดับ อัญมณีชั้นเยี่ยม ร้านเครื่องดื่ม ร้านอาหารพื้นเมือง และร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อีกมากมาย มีเวลาให้ท่านได้เดินช็อปปิ้ง

กระทั่งได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักและพักผ่อนตามอัธยาศัย

ที่พัก       LONG WAY HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

เช้า         บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชม วัดหยวนทง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองคุนหมิง สร้างในสมัยราชวงศ์ถัง มีอายุเก่าแก่ร่วม 1,200 ปี จุดเด่นของวัดอยู่ที่อาคารต่าง ๆ จะสร้างอยู่บริเวณตีนเขา ซึ่งแตกต่างไปจากวัดทั่วไปของจีนที่มักสร้างไว้ในที่สูง เช่น บนยอดเขาหรือเนินเขา มีการเล่าขานกันว่าแต่เดิมวัดหยวนทง เป็นเพียงศาลเจ้าแม่กวนอิม ภายหลังจากที่มีผู้คนมากราบไหว้มากขึ้นเรื่อย ๆ ศาลเจ้าจึงถูกสร้างเป็นวัดในเวลาต่อมา วัดหยวนทงเคยถูกทำลายในสมัยราชวงศ์หมิง และได้รับการซ่อมแซมในสมัยราชวงศ์ชิง ภายในวัดหยวนทงยังมีโบถส์ไทย ที่อดีตท่านนายกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ได้อันเชิญพระพุทธชินราชจำลองจากจังหวัดพิษณุโลกมาประดิษฐานไว้ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างไทย – จีน นับเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของไทยที่ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดในเมืองจีนอีกด้วย

จากนั้นนำท่านชมความงามของ ตำหนักทองจินเตี้ยน ซึ่งสร้างโดยแม่ทัพในสมัยราชวงศ์ หมิง อดีตเคยเป็นที่พักของอู๋ซันกุ้ย “ ขุนศึกผู้ขายชาติ ” และนางงามเฉินหยวนหยวน เป็นตำหนักแห่งเดียวที่มีฝาผนังและหลังคาสร้างด้วยทองเหลืองถึง 380 ตัน จึงทำให้ตำหนักมีความสวยเด่นแลดูเสมือนทอง จึงได้ชื่อว่า “ ตำหนักทอง ” จึงนับได้ว่าเป็นตำหนักที่ใหญ่ที่สุดของจีน

กลางวัน   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (พิเศษ เมนู ขนมจีนข้ามสะพาน)

ได้เวลาอันสมควรนำทุกท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานฉางสุ่ย เมืองคุนหมิง ประเทศจีน

15.20 น.   ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดย การบินไทย เที่ยวบินที่ TG 613

16.30 น.   เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ